เมนู

ถวายพระพรว่า ดูก่อนมหาบพิตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ไม่พึงทรง
พระพฤติกายสมาจารที่สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งพึงติเตียนเลย ขอถวาย
พระพร.
ป. ข้าแต่ท่านพระอานนท์ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พึงทรง
พระพฤติวจีสมาจาร ฯลฯ มโนสมาจารที่สมณพราหมณ์ผู้รู้แจ้งทั้งหลายพึงติเตียน
บ้างหรือหนอ.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ไม่พึงทรง
ประพฤติมโนสมาจารที่สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งพึงติเตียนเลย ขอถวาย
พระพร.

ปัญหากายสมาจารเป็นต้น



[553] ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ น่าอัศจรรย์นัก ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ไม่
เคยมีมาแล้ว ก็เราทั้งหลายไม่สามารถจะยังข้อความที่ท่านพระอานนท์ให้บริ-
บูรณ์ด้วยการแก้ปัญหา ให้บริบูรณ์ด้วยปัญหาได้ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ชนเหล่า
ใดเป็นพาล ไม่ฉลาด ไม่ใคร่ครวญ ไม่พิจารณาแล้ว ก็ยังกล่าวคุณหรือโทษ
ของชนเหล่าอื่นได้ เราทั้งหลายไม่ยึดถือการกล่าวคุณหรือโทษของชนเหล่านั้น
โดยความเป็นแก่นสาร ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ส่วนชนเหล่าใดเป็นบัณฑิต เป็น
ผู้ฉลาดเฉียบแหลม มีปัญญา ใคร่ครวญ พิจารณาแล้ว กล่าวคุณหรือโทษ
ของชนเหล่าอื่นเราทั้งหลายย่อมยึดถือการกล่าวคุณหรือโทษของชนเหล่านั้น
โดยความเป็นแก่นสาร ข้าแต่ท่านพระอานนท์ผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่สมณ-
พราหมณ์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งพึงติเตียนเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารที่เป็นอกุศล ที่สมณพราหมณ์
ทั้งหลายผู้รู้แจ้งพึงติเตียน ขอถวายพระพร.

ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่เป็นอกุศลเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร การสมาจารที่มีโทษแล เป็นอกุศล ขอถวาย
พระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่มีโทษเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารที่มีความเบียดเบียนแล เป็นกาย
สมาจารที่มีโทษ ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่มีความเบียดเบียนเป็นไฉน
อา. ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารที่มีทุกข์เป็นวิบากแล เป็นกาย
สมาจารที่มีความเบียดเบียน ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่มีทุกข์เป็นวิบากเป็นไฉน
อา. ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารใดแล ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียน
ตนเองบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสอง
ฝ่ายบ้าง อกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมเจริญยิ่งแก่บุคคลผู้มีกายสมาจารนั้น กุศล
ธรรมทั้งหลายย่อมเสื่อม ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารเห็นปานนี้แล สมณ
พราหมณ์ ทั้งหลายผู้รู้แจ้งพึงติเตียน ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ก็วจีสมาจาร ฯลฯ มโนสมาจารที่สมณ-
พราหมณ์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งพึงติเตียนเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารที่เป็นอกุศลแล ที่สมณพราหมณ์
ทั้งหลายผู้รู้แจ้งพึงติเตียน ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็มโนสมาจารที่เป็นอกุศลเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารที่มีโทษแล เป็นอกุศล ขอถวาย
พระพร.

ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็มโนสมาจารที่มีโทษเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารที่มีความเบียดเบียนแลเป็นมโน-
สมาจารที่มีโทษ ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็มโนสมาจารที่มีความเบียดเบียนเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารที่มีทุกข์เป็นวิบากแล เป็นมโน
สมาจารที่มีความเบียดเบียน ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็มโนสมาจารที่มีทุกข์เป็นวิบากเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารใดแล ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียน
ตนเองบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสอง
ฝ่ายบ้าง อกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมเจริญยิ่งแก่บุคคลผู้มีมโนสมาจารนั้น กุศล
ธรรมย่อมเสื่อม ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารเห็นปานนี้แล สมณพราหมณ์
ทั้งหลาย ผู้รู้แจ้งพึงติเตียน ขอถวายพระพร.
[554] ป. ข้าแต่ท่านพระอานนท์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์นั้นทรงสรรเสริญการละอกุศลธรรมทั้งปวงทีเดียวหรือหนอ.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร พระตถาคตทรงละอกุศลธรรมได้ทั้งปวง ทรง
ประกอบด้วยกุศลธรรม ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านพระอานนท์ผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่สมณพราหมณ์ทั้ง
หลายผู้รู้แจ้งไม่พึงติเตียนเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารที่เป็นกุศลแล สมณพราหมณ์ทั้ง
หลายผู้รู้แจ้งไม่พึงติเตียน ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่เป็นกุศลเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารที่ไม่มีโทษแล เป็นกุศล ขอถวาย
พระพร.

ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่ไม่มีโทษเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารที่ไม่มีความเบียดเบียนแล เป็น
กายสมาจารที่ไม่มีโทษ ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่ไม่มีความเบียดเบียนเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารที่มีสุขเป็นวิบาก เป็นกาย
สมาจารที่ไม่มีความเบียดเบียน ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็กายสมาจารที่มีสุขเป็นวิบากเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารใดแล ย่อมไม่เป็นไปเพื่อเบียด
เบียนตนเองบ้าง เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เพื่อเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น
ทั้งสองฝ่ายบ้าง อกุศลธรรมทั้งหลายของบุคคลผู้มีกายสมาจารนั้นย่อมเสื่อมไป
กุศลธรรมทั้งหลายย่อมเจริญ ดูก่อนมหาบพิตร กายสมาจารเห็นปานนี้แล
สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งไม่พึ่งติเตียน ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านพระอานนท์ผู้เจริญ ก็วจีสมาจาร ฯลฯ มโนสมาจาร
ที่สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งไม่พึงติเตียน เป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารเป็นกุศลแล สมณพราหมณ์ทั้ง
หลายผู้รู้แจ้งไม่พึงติเตียน ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็มโนสมาจารที่เป็นกุศลเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารที่ไม่มีโทษแล เป็นมโนสมาจาร
เป็นกุศล ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็มโนสมาจารที่ไม่มีโทษเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารที่ไม่มีความเบียดเบียนแล เป็น
มโนสมาจารทีไม่มีโทษ ขอถวายพระพร.

ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็มโนสมาจารที่ไม่มีความเบียดเบียนเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารที่มีสุขเป็นวิบากแล เป็นมโน
สมาจารที่ไม่มีความเบียดเบียน ขอถวายพระพร.
ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ก็มโนสมาจารที่มีสุขเป็นวิบากเป็นไฉน.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร มโนสมาจารใดแล ย่อมไม่เป็นไปเพื่อเบียด
เบียนตนเองบ้าง ย่อมไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง ไม่เป็นไปเพื่อเบียด
เบียนทั้งตนเองและผู้อื่นทั้งสองฝ่ายบ้าง อกุศลธรรมทั้งหลายของบุคคลผู้มีมโน
สมาจารนั้นย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมทั้งหลายย่อมเจริญ ดูก่อนมหาบพิตร
มโนสมาจารเห็นปานนี้แล สมณพราหมณ์ทั้งหลายผู้รู้แจ้งไม่พึงติเตียน ขอ
ถวายพระพร.
[555] ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ทรงสรรเสริญการเข้าถึงกุศลธรรมทั้งปวงทีเดียวหรือหนอ.
อา. ดูก่อนมหาบพิตร พระตถาคตทรงละอกุศลธรรมได้ทั้งปวง
ทรงประกอบด้วยกุศลธรรม ขอถวายพระพร.

ทรงชื่นชมยินดีภาษิต



[556] ป. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ น่าอัศจรรย์นัก ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
ไม่เคยมีมาแล้ว ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านพระอานนท์กล่าวภาษิตนี้ดีเพียงใด เรา
ทั้งหลายมีใจชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยภาษิตของท่านพระอานนท์นี้ ข้าแต่
ท่านผู้เจริญ เราทั้งหลายยินดีเป็นอย่างยิ่งด้วยภาษิตของท่านพระอานนท์อย่างนี้
ถ้าว่าช้างแก้วพึงควรแก่ท่านพระอานนท์ไซร้ แม้ช้างแก้ว เราทั้งหลายก็พึง
ถวายแก่ท่านพระอานนท์ ถ้าม้าแก้วพึงควรแก่ท่านพระอานนท์ไซร้ แม้ม้าแก้ว
เราทั้งหลายก็พึงถวายแก่ท่านพระอานนท์ ถ้าว่าบ้านส่วยพึงควรแก่ท่านพระ-